วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ว่ากันด้วยเรื่อง กระเบื้องเซรามิค



สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รัก วันนี้กระผมนายระพีพัฒน์ก็กลับมาพบอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนานพอสมควร เมื่อจบกับมหากาพย์สุดอลังการงานสร้างกับครบเครื่องเรื่องสุขภัณฑ์ทั้ง 6 ตอนไปแล้ว คราวนี้ผมกลับมาพร้อมกับบทความใหม่ที่จะนำมาเสนอในวันนี้กับเรื่องราว ที่ว่ากันด้วยเรื่องกระเบื้องเซรามิค ซึ่งวันนี้ผมจะพูดถึงกระเบื้องเซรามิคปูพื้น บุผนัง ครับ ว่ามีคุณสมบัติอย่างไร แล้วเจ้าสองตัวนี้ถ้าหากเราจะใช้ทดแทนกันนั้นได้หรือไม่ แต่ก่อนอื่นผมขอเป็นกำลังให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในขณะนี้ด้วยครับ ปีนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสจริง ๆ กับอุทกภัยที่เกิดขึ้น ผมในนามตัวแทนของชาวอีบิลดก็ขอส่งแรงส่งใจให้ทุกท่านผู้ประสบภัย มีแรงสู้ต่อไปครับ

เอาละครับมาถึงเรื่องราวของเรากันบ้าง หลังจากที่เกริ่นไปแล้วว่าผมหายไปนานพอสมควรเพื่อน ๆ อยากทราบไหมครับว่าผมหายไปไหน ไปทำอะไรมา ที่จริงแล้วผมไม่ได้ไปไหนหรอกครับ เพียงแต่ว่ามันยังคิดเรื่องที่จะมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันไม่ออก ผมก็ใช้ชีวิตประจำวันไปเรื่อย ๆ นั่งถอนหายใจไปวัน ๆ แต่แล้วก็เกิดมโนภาพขึ้นมาได้อย่างหนึ่งว่าคุณแม่(คุณแม่อีกแล้ว)เคยเปรย ๆ ว่าท่านอยากปูพื้นบ้านด้านล่างใหม่ โดยท่านอยากได้ลายนี้ สีนี้ ขนาดนี้ ซึ่งมันเป็นกระเบื้องผนังแต่จะเอามาปูพื้น นึกได้เท่านี้ผมก็เลยมาเขียนเรื่องนี้กันดีกว่า ก่อนอื่นไปทำความรู้จักมักคุ้นกับคำว่า เซรามิคกันก่อนครับ

เซรามิค (Ceramic) เซรามิคมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก Keramos มีความหมายว่า สิ่งที่ถูกเผา ในอดีตวัสดุเซรามิคที่มีการใช้งานมากที่สุดคือ เซรามิคดั้งเดิม ทำมาจากวัสดุหลักคือ ดินเหนียว โดยในช่วงแรกเรียกผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ว่า ไชน่าแวร์ เพื่อเป็นเกียรติให้กับคนจีน ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการผลิต (เพิ่งจะรู้ว่าเอเชียเป็นผู้บุกเบิก)

กระเบื้องเซรามิค แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กระเบื้องเซรามิคปูพื้น และกระเบื้องเซรามิคบุผนัง มีทั้งชนิดเคลือบมันและไม่เคลือบมัน ในส่วนของผิวหน้าแบ่งได้เป็น ผิวมัน (Glossy) และผิวธรรมดา (Matt) ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นผิวไม่หยาบ (Satin) และผิวหยาบ (Rustic) โดยขนาดของกระเบื้องปูพื้นโดยปกติจะมีขนาดที่ 8x8 นิ้ว, 12x12 นิ้ว, 13x13 นิ้ว, 16x16 นิ้ว, 20x20 นิ้ว ส่วนขนาดของกระเบื้องบุผนังจะมีขนาดปกติที่ 2.5x8 นิ้ว, 8x8 นิ้ว, 8x10 นิ้ว, 8x12 นิ้ว ท่านคงจะสังเกตเห็นแล้วว่ากระเบื้องปูพื้นนั้นจะมีขนาด กว้างxยาว ที่เท่ากันซึ่งจะแตกต่างจากกระเบื้องบุผนังในบางขนาดที่ กว้างxยาว ไม่เท่ากัน ข้อสังเกตอีกอย่างนั่นคือกระเบื้องบุผนังเป็นส่วนน้อยมากที่จะมีขนาด 12x12 ขึ้นไป นั่นก็เพราะว่าขนาดที่ใหญ่ของกระเบื้องที่เพิ่มขึ้นเท่าใด ก็จะเพิ่มน้ำหนักของกระเบื้องขึ้นไปอีก มันจึงไม่เหมากับการนำไปบุผนัง ยกตัวอย่างว่าน้ำหนักกระเบื้องใน 1 กล่อง ของ 8x8 นิ้ว จะมีน้ำหนักอยู่ประมาณ 12 กก./กล่อง และในขนาด 16x16 นิ้ว จะมีน้ำหนักอยู่ประมาณ 17 กก./กล่อง ด้วยน้ำหนักที่แตกต่างกัน ผนังห้องของท่านก็ต้องแบบรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นด้วย หากท่านเองยังดึงดันที่จะนำขนาด 16x16 ตามที่ยกตัวอย่างมาบุผนัง มีหวังว่าผนังห้องของท่านล้มครืนอย่างแน่นอน เมื่อพูดถึงขนาดของกระเบื้องมาเยอะแล้วผมก็ขอโอกาสนี้พูดถึงเรื่องพื้นที่ในการปูกระเบื้องว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราจะใช้กระเบื้องกี่กล่องในการใช้งาน ผมก็ขอบอกว่าให้ท่านไปวัดพื้นที่ในการใช้งานที่จะปูกระเบื้องมาว่าใช้งานกี่ตารางเมตร เพราะว่ากระเบื้องในทุกยี่ห้อทุกขนาด ใน 1 กล่องจะสามารถปูพื้นที่ได้ 1 ตารางเมตรโดยประมาณ อาจจะมีการขาดเกินบ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นและทางที่ดีท่านควรจะซื้อกระเบื้องเผื่อการใช้งานไว้ 1-2 กล่อง หรืออาจมากกว่า ที่บอกไว้เช่นนี้ก็เพราะว่ามันอาจมีกรณีแตกหักหรือเสียหายระหว่างการปูกระเบื้องได้ หากท่านมีกระเบื้องไม่พอก็เสียเวลาในการหาซื้อสินค้าที่มีขนาดเดียวกันลายเดียวกันไปอีก สำหรับประเด็นสุดท้ายของแม่ผมที่ผมเกริ่นนำไปตอนต้นในเรื่องที่ว่า กระเบื้องบุผนังมาปูพื้นได้หรือไม่ บอกได้เลยครับว่าไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะกระเบื้องบุผนังในการผลิตนั้นไม่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อให้มีความคงทนต่อการขูดขีดและไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการรับน้ำหนักมาก ๆ แต่อย่างใด หากท่านเอามาใช้งานแบบผิด ๆ อายุการใช้งานของกระเบื้องท่านก็อาจจะต่ำจากความเป็นจริง

ไหนก็ไหน ๆ แล้วผมก็ขอพูดถึงวิธีการเลือกซื้อกระเบื้องเพิ่มเติมอีกหน่อยดีกว่าครับ ว่าเราควรเลือกซื้ออย่างไรแล้วต้องดูอะไรบ้าง ที่ผมจะพูดถึงก็มีว่า เราควรคำนึงถึงความต้องการว่าเราจะนำกระเบื้องไปปูส่วนใดของบ้าน เช่น ห้องรับแขกที่จะต้องมีการปูกระเบื้องที่มีลวดลายสวยงาม หรือการปูผนังห้องครัวก็จะต้องมีการปูกระเบื้องที่มีความมัน ลื่น เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด และหากจะนำกระเบื้องไปปูบริเวณที่อยู่ภายนอกของตัวบ้านก็จะต้องดูเรื่องการดูดซึมน้ำที่ต่ำ เรื่องต่อมาคือเรื่องขนาดของห้องที่จะนำกระเบื้องไปปูครับเราต้องดูด้วยว่าห้องนั้น ๆ มีขนาดเท่าใด กว้างหรือแคบเราเองจะได้เลือกขนาดของกระเบื้องได้ถูก เช่นหากห้องของท่านเองมีขนาดที่เล็กเราก็ไม่ควรเลือกกระเบื้องที่มีขนาดใหญ่จนเกินไป พูดง่าย ๆ ว่าปูไปได้ไม่กี่แผ่นก็เต็มห้องแล้ว มันจะทำให้กระเบื้องที่ปูไปแล้วแลดูไม่สวยงามเอาครับ ประการสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงคือเราควรเลือกคุณภาพ รุ่น สีกระเบื้องให้อยู่ในหมายเลข LOT เดียวกัน(ดูได้ที่ข้างกล่อง) คือการผลิตควรเป็นครั้งเดียวกัน เกรดของกระเบื้องที่จะใช้ก็ควรเป็นเกรด A เพราะจะทำให้การปูกระเบื้องออกมาสวยงามเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ผมขออธิบายเรื่องเกรดของกระเบื้องเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยว่า กระเบื้องในรุ่นของการผลิต 1 ครั้ง มันจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่ได้มาตรฐานการผลิตนั่นคือเกรด B ซึ่งถ้าหากมองด้วยตาเปล่าจะมีความแตกต่างจากเกรด A อย่างไร ผู้ผลิตได้เคยอธิบายให้ผมฟังว่ากระเบื้องเกรด B จะมีรูเล็ก ๆ ขนาดเท่าตามดกระจายอยู่ทั่วไปใน 1 แผ่นกระเบื้อง ซึ่งรูที่ว่านี้คงเล็กมาก ๆ เพราะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า นึกภาพนะครับว่ามดเล็กแล้ว แล้วเค้าอธิบายขนาดของรูว่าเล็กเท่าตามด มันจะเล็กแค่ไหน หากถามว่าเราจะเอาเกรด B มาแทน เกรด A ได้หรือไม่ ผมขอบอกว่าได้ครับ แต่มันก็ไม่ควรใช้แทนกันทางที่ดีควรเปลี่ยนเป็นรุ่นอื่นดีกว่า เพราะอย่างที่บอกไปแต่แรกว่ากระเบื้องที่ควรใช้ควรเป็นเกรด A ทั้งหมดในการปูกระเบื้อง และเพราะเกรด B เอง ก็เกิดจากความผิดพลาดจากกระบวนการผลิต ถึงแม้จะเป็นการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยผมเชื่อว่าคุณภาพคงสู้กระเบื้องเกรด A ไม่ได้แน่นอนครับ

หลังจากที่ผมได้อธิบายของกระเบื้องปูพื้น และกระเบื้องบุผนังและวิธีการเลือกกระเบื้องอีกเล็กน้อยไปแล้วในวันนี้ ผมคิดว่าคงเป็นอีก 1 ตัวในการตัดสินใจซื้อกระเบื้องของใครหลาย ๆ คน อย่างน้อย ๆ ก็คุณแม่ผมนี่แหละ ท่านคงผิดหวังบ้างเล็กน้อยสำหรับการเอากระเบื้องบุผนังมาปูพื้น คุณแม่ท่านก็เลยต้องไปเลือกใหม่ว่าจะเอาลายไหนสีไหนมาใช้ ในปัจจุบันนี้กระเบื้องเซรามิคก็มีอยู่หลายยี่ห้อให้เลือกมีหลายระดับราคาอีกด้วย ซึ่งราคาก็มีตั้งแต่ระดับล่าง ๆ ไปจะถึงระดับสูงอยู่หลายยี่ห้อ อยู่ที่ท่านผู้อ่านเลยครับว่าชอบแบบไหน ขอให้มีความสุขกับการเลือกซื้อกระเบื้องมาใช้งานนะครับ


ระพีพัฒน์

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก Aplusadesign.com, Wikipedia, Homedd.com

www.ebuild.co.th

 

สถิติ