What is . . . PC ? [Steel Wires for Prestressed Concrete : PC Wire]
PC คืออะไร [ลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรง]
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน
จากที่ผมได้ห่างหายไปนาน แล้วก็ได้เข็นเรื่องประตูไม้อัดออกมาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันไปก่อน
ผมกลับมาอีกแล้วครับ กลับมาพร้อมกับคำถามที่ว่า PC คืออะไร หลาย ๆ คนคงคิดว่าเป็นการเรียกชื่อคอมพิวเตอร์สำหรับบุคคลหรือชื่อเต็ม
ๆ ก็คือ Personal Computer นึกภาพง่าย ๆ
ก็คือคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ ๆ กันทั่วไปนั่นแหละครับ
สำหรับใครที่คิดว่าพีซีคือเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น คุณได้คิดถูกแล้วครับ แต่ แต่
แต่ว่าที่ผมจะพูดจริง ๆ มันเป็นเรื่องวัสดุก่อสร้าง
ดังนั้นใครที่จะคิดว่าเป็นคอมพิวเตอร์ ให้เปลี่ยนความคิดครับ
ย้ำนะครับให้เปลี่ยนความคิด
และผมก็จะไม่บอกด้วยว่าที่คิดว่าเป็นคอมพิวเตอร์แต่แรกนั้นผิด
เพราะความคิดและจิตใจของแต่ละคนนั้นเราไม่มีทางที่จะบังคับกันได้ครับ ขอแค่ให้เราทำที่ถูกที่ควรทำเพื่อสังคมผมว่าเท่านี้ก็น่าจะพอนะครับ แล้วผมก็นอกเรื่องจนได้สิครับท่านผู้อ่าน
เอาเป็นว่าเรากลับเข้าเรื่องวัสดุก่อสร้างของเราดีกว่า
สำหรับ PC
ที่มันเกี่ยวกับก่อสร้าง
ท่านผู้อ่านนึกภาพหรือเดาชื่อวัสดุก่อสร้างที่ผมจะมาเขียน (พิมพ์)
ออกบ้างกันหรือยังครับ หากนึกไม่ออกให้ท่านผู้อ่านลองกลับไปอ่านบทความเรื่อง
เหล็กคุณรู้จักมันดีแค่ไหน ที่เป็นตอนจบดูครับ แล้วท่านจะพบคำตอบ ใช่แล้วครับวัสดุก่อสร้างที่ผมจะพูดวันนี้คือ
ลวดเหล็ก ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า ก็เคยพูดไปแล้ว ทำไมจะต้องกลับมาพูดอีก
ที่ผมต้องกลับมาพูดอีกนั้นก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจกับตัววัสดุก่อสร้างตัวนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก
เพราะในครั้งนั้นที่ผมได้มาแนะนำไว้มันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
ยังไม่ลงลึกเท่าไหร่นัก
ส่วนสำหรับวันนี้นั้นผมก็จะมาพูดเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
เท่าที่สมองสองมือของผมจะบรรยายให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจครับ
ก่อนอื่นก็ต้องแนะนำตัวกันก่อนสำหรับวัสดุก่อสร้างที่ผมจะพูดในวันนี้นั้นมี
2 ชนิดที่ผมจะพูดครับ นั่นคือ PC Wire กับ PC Stand ครับ ซึ่งทั้งสองชนิดนี้เป็นลวดเหล็กทั้งคู่ครับ
ไปเริ่มที่ตัวแรกกันก่อนครับ
PC Wire
ชื่อเต็ม Steel
Wires for Prestressed Concrete ชื่อทางภาษาไทย ลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรง
ลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรงนี้
ผลิตขึ้นจากเหล็กลวดชนิดคาร์บอนสูง ดึงลดขนาดให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ
โดยเหมาะสำหรับงานคอนกรีตอัดแรงต่าง ๆ ในเกือบทุกประเภทอาทิเช่น
นำไปใช้ในการผลิตเสาเข็ม เสาไฟฟ้า แผ่นพื้นสำเร็จรูป ไม้หมอนคอนกรีตรางรถไฟ เป็นต้น
โดยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดชนิดนี้ในทุกบริษัท
จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 4 – 9 มิลลิเมตร และในปัจจุบันนี้ลวดชนิดนี้จะมีมาตรฐานอุตสาหกรรม
หรือ มอก.95-2540 โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงจากฉบับเดิมนั่นคือ มอก.95-2534 และจากนี้ไปผมจะพูดถึงคุณสมบัติทางกลเป็นข้อ ๆ ที่ส่วนใหญ่เกิดคำถามกันมากมาย
โดยมีสิ่งที่ถูกถามกันมากที่สุดอยู่ 4 ข้อ นั่นคือ
1.
เกรดที่ระบุในสเป็คสินค้ามีผลอย่างไรไหมกับการนำไปใช้งาน
2.
Low Relaxation กับ Normal Relaxation คืออะไรและมีผลอย่างไร
3.
รอยย้ำของผิวลวดที่ต่างกันมีผลอย่างไร
4.
เครื่องหมายและฉลากในลวดเหล็กเป็นอย่างไร แล้วอ่านอย่างไร
และก่อนที่เราจะไปลงลึกถึงรายละเอียดของทั้ง
4 หัวข้อนี้
ผมอยากจะบอกว่าในแต่ละหัวข้อนั้นอาจจะทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์เบื่อขึ้นมาได้
ผมจึงแนะนำว่า ถ้าหากท่านผู้อ่านสนใจอยากที่จะรับรู้เพียงหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งแล้วนั้นก็ให้ท่านผู้อ่านเลื่อนไปอ่านยังหัวข้อที่สนใจได้เลย
ผมรับรองว่าท่านจะไม่สับสนอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้วผมจึงทำหัวข้อทั้ง 4
นี้ไว้ให้เห็นได้โดยง่ายและชัดเจน
เพื่อให้ง่ายในการหาอ่านโดยผมได้ทำเป็นตัวใหญ่บิ๊กไว้แต่ละหัวข้อเรียบร้อยครับ
แต่ถ้าหากเป็นไปได้ผมก็อยากให้ทุกท่านได้อ่านกันแบบเต็ม ๆ
เพราะผมตั้งใจจริงในการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มีความรู้
มาให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกัน เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งเบื่อผมกันเลยนะครับ เราไปลงลึกกันในแต่ละหัวข้อกันดีกว่า
1.
เกรดที่ระบุในสเป็คสินค้ามีผลอย่างไรไหมกับการนำไปใช้งาน
สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าลวดเหล็กกล้าสำหรับคอนกรีตอัดแรงนั้นมีเกรดที่ระบุนั้นอยู่ตรงไหน
ผมขอยกภาพจากบริษัทผู้ผลิตมาให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วกันครับ
จากรูปตัวอย่างที่ผมมาให้ได้ชม
เกรดนั้นจะระบุอยู่ใน ตาราง Specification
ในทุก ๆ บริษัทครับ โดยเมื่อเรามองแบบผิวเผินแล้ว
ทุกคนคงคิดว่าไม่มีอะไรที่เห็นว่าแตกต่างกันตรงไหน
แต่ถ้าหากมองให้ลึกลงไปแล้วก็จะพบความแตกต่างกันครับ
หากจะให้อธิบายนั้นก็คงเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ผมขอสรุปว่า
เกรดที่แตกต่างกันนั้น มันเป็นค่าการทนแรงดึงระบุเป็น นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร
โดยคำนวณจากพื้นที่หน้าตัดที่ระบุกับค่าลักษณะ เฉพาะแรงดึงสูงสุดโดยปัดเศษถึง 10
นิวตันต่อตารางมิลลิเมตรที่ใกล้เคียงที่สุด
2.
Low Relaxation กับ Normal
Relaxation คืออะไร และมีผลอย่างไร
Relaxation
หรือ “ความผ่อนคลาย”
หมายถึง ความเสื่อมสูญของแรงดึงตามระยะเวลาของลวดที่มีความยาวคงที่
คิดเป็นร้อยละของแรงดึงเริ่มแรกที่ใช้กับลวด
ส่วนสำหรับมีผลอย่างไรนั้นทางวิศวกรเค้าได้บอกว่าโดยปกติแล้วมันมีผลในเชิงลึก แต่ทางวิศวกรเองก็ได้อธิบายเพิ่มมาอีกว่า Low
กับ Normal นั้น เมื่อผลิต Low
Relaxation มาแล้ว จะครอบคลุมตัว Normal Relaxation ไปด้วย
จึงเป็นเหตุผลที่ว่าในท้องตลาดส่วนใหญ่นั้นมักนิยมที่จะสั่งผลิตเฉพาะตัว Low
Relaxation และก่อนจบไปกับคำถามนี้ผมมีภาพ
Specification ของบริษัทผู้ผลิตมาให้ชมครับว่า Relaxation หากเราดูในตาราง Specification นั้น
อยู่ตรงส่วนใดของตาราง ตรงที่ผมทำเครื่องหมายสีแดงไว้ที่ภาพนั่นเลยครับ
3.
รอยย้ำของผิวลวดที่ต่างกันมีผลอยางไร
ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับผิวลวดแต่ละตัวกันก่อนดีกว่าว่าที่จริงแล้วหน้าตามันเป็นอย่างไร
เริ่มกันที่
Plain wire หรือแบบเรียบ หมายถึง ลวดที่มีผิวตามที่ได้จากการที่ใช้ดึง มีพื้นที่ภาคตัดขวางสม่ำเสมอลักษณะผิวและแนวแถบไม่เปลี่ยนแปลงเป็นคาบตลอดความยาว
Plain wire หรือแบบเรียบ หมายถึง ลวดที่มีผิวตามที่ได้จากการที่ใช้ดึง มีพื้นที่ภาคตัดขวางสม่ำเสมอลักษณะผิวและแนวแถบไม่เปลี่ยนแปลงเป็นคาบตลอดความยาว
Indented wire หรือแบบรอยย้ำ หมายถึง ลวดซึ่งผิวมีรอยย้ำเป็นระยะเท่า ๆ กัน ตลอดความยาว
Crimped wire หรือแบบหยัก หมายถึง ลวดที่เปลี่ยนแปลงแนวแกนอย่างสม่ำเสมอในระนาบเดี่ยวหรือในรูปของเกลียว
ซึ่งเกิดขึ้นโดยกรรมวิธีทางกลหลังการดึงเย็น
Chevron wire หรือแบบบั้ง ในรูปแบบนี้ทาง มอก.
ไม่ได้ระบุความหมายไว้แต่อย่างใด ผมก็ขอติต่างความหมายขึ้นใช้เองโดยชั่วคราวว่า
ลวดซึ่งมีรอยย้ำในแนวเฉียงคล้ายลักษณะการบั้ง เป็นระยะเท่า ๆ กันตลอดความยาวครับ
Spiral wire หรือแบบเกลียว โดยในรูปแบบนี้ทาง มอก. ก็ไม่ได้ระบุไว้เช่นกัน
ผมก็ขอสร้างความหมายขึ้นเองว่า เป็นลวดซึ่งมีรอยย้ำวนรอบเป็นเกลียวในระยะเท่า ๆ
กันตลอดความยาวครับ
สำหรับคำถามที่ว่ารอยย้ำที่ต่างกันมีผลอย่างไรในการนำไปใช้งาน
ผมขอฟันธงไว้ตรงนี้เลยว่าไม่มีผลใด ๆ กับทางเทคนิคครับ
จะมีผลก็เพียงแค่รอยย้ำที่ต่างกัน มีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีตเท่านั้นครับ
4.
เครื่องหมายและฉลากในลวดเหล็ก
เป็นอย่างไร แล้วอ่านอย่างไร
หลาย
ๆ ท่านคงจะงงกับผมว่าทำไมผมต้องยกเรื่องเครื่องหมายและฉลากมาพูด
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าโดยปกติแล้วเหล็กส่วนใหญ่จะมีการตีตราลงไปว่าผลิตจากที่ไหน
และเป็นประเภทไหนยกตัวอย่างเช่น เหล็กเส้น อันนี้ผมเห็นเองกับตาว่าเค้าตีตรายี่ห้อ
ประเภทและขนาดลงบนตัวเหล็กเลย แต่จะให้ทำแบบเดียวกันกับลวดเหล็กผมเกรงว่าคงต้องใช้แว่นขยายประกอบการอ่านประเภทเหล็กครับ
แต่ลวดเหล็กนั้นเค้าก็มีฉลากเช่นกัน เหมือนกะปิน้ำปลาหรือสินค้าโดยทั่วไป
แต่ที่ไม่เหมือนคือเค้ามีแบบเป็นตัวย่อ
ให้เราได้มานั่งมองพินิจพิเคราะห์กันอีกทีว่าที่จริงแล้วลวดเหล็กที่ผลิตมาเป็นประเภทไหน
ขนาดที่เท่าไหร่ เอาละครับผมว่าเราไปเริ่มเรียนรู้กันดีกว่าว่ามันอ่านอย่างไร
และมีอะไรในฉลากบ้าง โดยใน มาตรฐานอุตสาหกรรมหรือ มอก.
ใด้ระบุว่าในฉลากจะของลวดเหล็กจะต้องประกอบไปด้วยดังนี้ครับ
“ที่ลวดทุกขดต้องมีป้ายติดอยู่
และที่ป้ายนั้นอย่างน้อยต้องมีเลข อักษรหรือเครื่องหมายแจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ให้เห็นง่าย
ชัดเจน”
1.
ชื่อผลิตภัณฑ์ เป็นภาษาอังกฤษว่า “PC WIRE”
-
ตามด้วยอักษร M สำหรับลวดชนิดไม่คลายความเค้น หรือ
-
ตามด้วยอักษร S สำหรับลวดชนิดคลายความเค้น
2.
ตัวอักษรแสดงแบบตามลักษณะผิวของลวด
-
P สำหรับแบบเกลี้ยง
-
I
สำหรับแบบมีรอยย้ำ
-
R สำหรับแบบมีบั้ง
-
C สำหรับแบบหยัก
3.
เส้นผ่านศูนย์กลางระบุ
4.
ความทนแรงดึงระบุ
5.
ประเภทความผ่อนคลาย ดังนี้
-
Relax
1 สำหรับประเภทความผ่อนคลายธรรมดา
(Normal Relaxation)
-
Relax
2
สำหรับประเภทความผ่อนคลายต่ำ
(Low Relaxation)
6.
น้ำหนักสุทธิของขด เป็นกิโลกรัม
7.
หมายเลขของขด
8.
ชื่อผู้ทำหรือโรงงานที่ทำ
หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
ตัวอย่าง PC WIRE – SI – 7
-1570 – Relax 1 หมายถึง
ลวดกลมชนิดคลายความเค้นแบบมีรอยย้ำขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางระบุ 7 มิลลิเมตร
ความทนแรงดึงระบุ 1 570 นิวตันต่อตารางเมตรประเภทความผ่อนคลายธรรมดา
ก็จบกันไปสำหรับ 4
คำถามที่ส่วนใหญ่สงสัยกันในเรื่องของลวดเหล็ก PC Wire หลายคนคงพอได้ความรู้ไปบ้าง
ก่อนที่จะไปพบกับลวดเหล็กอีกชนิดหนึ่งนั้น หน้ากระดาษของผมก็หมดพอดี
ผมจึงขออนุญาตให้ได้ติดตามกันต่อในตอนหน้ากับ What is …PC ? [Steel Wires
Strands for Prestressed Concrete : PC Strand] แล้วพบกันใหม่
สวัสดีครับ
ระพีพัฒน์
ภาพประกอบ SIW,
RWI, BSW, TWP
ข้อมูลประกอบ SIW, RWI, BSW, TWP
ข้อมูลอ้างอิง มอก. 95-2540
ข้อมูลประกอบ SIW, RWI, BSW, TWP
ข้อมูลอ้างอิง มอก. 95-2540
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่อธิบายได้ชัดเจนมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น